จำเป็นต้องทำอัลตร้าซาวด์หลังจากทำแท้งด้วยยามั้ย ?
ถ้าคุณไม่ได้มีอาการแทรกซ้อนอะไร ก็ไม่จำเป็นต้องอุลตร้าซาวด์หลังจากทำแท้งด้วยยา
การทำอุลตร้าซาวด์ทำให้รู้ว่าการตั้งครรภ์ยุติลงแล้วจริงหรือไม่ การทำอุลตร้าซาวด์สามารถตรวจดูตรงนี้ได้ในระยะเพียงไม่กี่วันหลังจากทำแท้งแล้ว โดยเฉพาะเมื่อคุณแน่ใจว่าการทำแท้งนั้นเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์หรือไม่ คุณยังสามารถใช้อุปกรณ์ทดสอบการตั้งครรภ์เพื่อตรวจดูเองที่บ้านได้ แต่ต้องทำในช่วงหลัง 3-4 สัปดาห์หลังจากใช้ยา เพราะถ้าทดสอบก่อน 3 สัปดาห์ อาจจะให้ผลที่ผิดพลาดได้ (คือแสดงผลว่าคุณยังท้องอยู่) เพราะในร่างกายของคุณยังมีฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์อยู่ในร่างกาย
การทำแท้งด้วยยา ก็เหมือนกับการแท้งโดยธรรมชาติ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้เวลา ร่างกายอาจจะใช้เวลามากหลายสัปดาห์ในการขับเนื้อเยื่อและส่วนประกอบต่างๆออกจากมดลูกจนหมด ซึ่งเป็นเรื่องปกติมาก ถ้าคุณต้องการ คุณสามารถอุลตร้าซาวด์ดูได้ในระยะ 10 วันหลังจากกินยาทำแท้งไปแล้วเพื่อยืนยันว่าการตั้งครรภ์ได้ยุติลงแล้วจริงๆ
และถึงแม้ว่าการตั้งครรภ์ได้ยุติลงแล้วจริงๆ ผู้หญิงหลายคนมีประสบการณ์ว่ายังมีเนื้อเยื่อและเลือดตกค้างอยู่ภายในมดลูกเป็นเวลาหลายสัปดาหื ถ้าคุณไม่มีอาการที่แสดงว่ามีอาการแทรกซ้อน เช่น ปวดท้อง เป็นไข้ เลือดออกมาก หรือมีของเหลวมีกลิ่นออกจากช่องคลอด ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือช่วยอีก (เช่นการขูด หรือ ดูด) ถึงแม้ว่าหมอจะแนะนำก็ตาม
อ่านข้อมูลเรื่องการดูด และ การขูดมดลูก จำเป็นต้องทำหลังจากทำแท้งด้วยยาหรือไม่ที่ลิงค์นี้
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม
การวิจัยได้แสดงให้เห็นว่า การวินิจฉัยอย่างแม่นยำว่ามีอาการแท้งไม่ครบ หรือ แท้งไม่สมบูรณ์หรือไม่ สามารถใช้อุลตร้าซาวด์ ร่วมกับการตรวจทางคลินิก (การสังเกตสัญญาณของอาการแทรกซ้อน เช่น การมีเลือดออกมาก การปวดท้องอย่างรุนแรงต่อเนื่อง, มีไข้ และ/หรือมีของเหลวผิดปกติไหลออกจากช่องคลอด) เพราะการทำอุลตร้าซาวด์หลังจากการทำแท้งด้วยยานั้นให้ผลคล้ายคลึงกันในกรณีของการแท้งที่มีอาการแทรกซ้อนและแท้งที่ไม่มีอาการแทรกซ้อน 69
ไม่มีข้อบ่งชี้เรื่องการใช้เครื่องมือช่วย (เช่น การขูด และ ดูด) ในกรณีของผู้หญิงที่มีสุขภาพดีถึงแม้ผลอุลตร้าซาวด์จะระบุว่ามีสิ่งที่หลงเหลืออยู่ในมดลูกก็ตาม การรอจนให้มีประจำเดือนครั้งต่อไป เช่นเดียวกับที่แนะนำในกรณีที่เกิดการแท้งธรรมชาติก็เป็นการเพียงพอแล้วในกรณีทั่วไป นอกจากกรณีที่ยังมีการท้องต่อ 70
การวิจัยแสดงให้เห็นว่าในระยะหนึ่งสัปดาห์หลังการทำแท้งด้วยยา 77% ของผู้หญิงที่ทำแท้งด้วยยาในช่วงไตรมาสแรกและไม่มีอาการแทรกซ้อน จะมีเนื้อเยื้อและเลือดหลงเหลืออยู่ในมดลูก 71
โดยภาพรวมแล้วมีเพียง 3% ของผู้ที่ทำแท้งด้วยยาในช่วงไตรมากแรกเกิดอาการแทรกซ้อน (แท้งไม่ครบ) ถึงแม้ว่าผลของอุลตร้าซาวด์จะแสดงให้เห็นว่าผนังมดลูกมีความหนาขึ้น ก็ไม่ได้หมายความว่ามีอาการแทรกซ้อน หรือจำเป็นต้องใช้เครื่องมือช่วย 72